Author: themixx.admin

ในยุคที่เศรษฐกิจมีความไม่แน่นอนและการแข่งขันสูง Entrepreneur จำเป็นต้องมีทัศนคติและแนวทางการทำงานที่สามารถปรับตัว ฟันฝ่าอุปสรรค และสร้างความได้เปรียบในตลาด การพัฒนาความคิด (Mindset) ที่เหมาะสมและการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพจะเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในระยะยาว 1. ทัศนคติของ Entrepreneur ในยุคที่การแข่งขันสูง Entrepreneur ที่ประสบความสำเร็จไม่ได้มองแค่การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า แต่มีทัศนคติที่มุ่งเน้นไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน ทัศนคติสำคัญที่ช่วยสร้างความได้เปรียบ ได้แก่: 1.1 Focus on Efficiency ในสถานการณ์ที่ทุกทรัพยากรมีค่า Entrepreneur ควรมุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ไม่ว่าจะเป็นเวลา เงินทุน หรือทีมงาน การลดความซับซ้อนในกระบวนการทำงาน เช่น การรวมที่อยู่อาศัยและที่ทำงานเข้าด้วยกัน ช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายและลดความยุ่งยากในการจัดการ 1.2 Resilience and Adaptability ความสามารถในการปรับตัวและความยืดหยุ่นเป็นหัวใจสำคัญในการเอาชนะความท้าทาย การมองหาโอกาสใหม่ ๆ และปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทันทีที่จำเป็น ทำให้ Entrepreneur สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้แม้ในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอน 1.3 Long-Term Vision Entrepreneur ที่ยิ่งใหญ่ไม่เคยวางแผนแค่ระยะสั้น พวกเขามองเห็นอนาคตและวางรากฐานเพื่อการเติบโตระยะยาว การลงทุนในโครงสร้างที่ช่วยลดต้นทุนซ้ำซ้อนและสร้างความมั่นคง เช่น การใช้ Home Office แทนการเช่าสำนักงาน เป็นตัวอย่างหนึ่งของการวางแผนที่มีเป้าหมายชัดเจน…

ทฤษฎีดีขึ้น 1% ทุกวัน เป็นแนวคิดที่ว่าการพัฒนาตัวเองในแต่ละวันเพียงเล็กน้อยอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้เราดีขึ้นได้อย่างมากในอนาคต  แนวคิดนี้เปรียบการเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นการฝากเงินแบบดอกเบี้ยทบต้น. แม้ผลลัพธ์อาจช้าในช่วงแรก แต่จะให้ผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต.  Dave Brailsford ผู้เป็นโค้ชของทีมจักรยานอังกฤษได้นำแนวคิดนี้มาใช้ในการปรับปรุงทีมของเขา. เขาทดลองปรับปรุงสิ่งเล็กๆน้อยๆ เช่น ออกแบบที่นั่งจักรยาน, ทดสอบผ้าที่นำมาตัดเป็นเสื้อ, ทดสอบน้ำมันนวด เป็นต้น. ผลลัพธ์ที่ได้คือ ทีมจักรยานอังกฤษกลายเป็นเจ้าเหรียญทองในกีฬาโอลิมปิกที่ปักกิ่ง 2008, ทำลายสถิติโลก 7 รายการในกีฬาโอลิมปิกที่ลอนดอน, และชนะ Tour de France ติดต่อกัน 5 ปี.  James Clear แนะนำว่าการสร้างนิสัยที่ดีและละทิ้งนิสัยแย่ๆ สามารถทำได้ง่ายๆ แค่เริ่มต้นทำวันละ 1% อย่างสม่ำเสมอ.  การเทียบกับการทำธุรกิจ การใช้แนวคิดพัฒนาวันละ 1% ในระยะยาวจะสามารถสร้างความแตกต่าง ให้เจ้าของธุรกิจได้รู้สึกว่า เราสามารถปรับปรุงและเติมเต็มคุณค่าในธุรกิจอยู่เสมอ สร้างการแข่งขันได้ในระยะยาวอีกทั้งโครงการ The MIXX สามารถอำนวยความสะดวกทั้งด้านฟังก์ชัน พื้นที่ใช้สอย และการบริการ ซึ่งไม่เพียงช่วยให้ธุรกิจในโครงการมีความโดดเด่น ตอบสนองการพัฒนาของทีมงานอยู่เสมอ และช่วยสร้างความเชื่อมั่นในระยะยาวสำหรับลูกค้าที่เข้าใช้บริการ ความสำเร็จ แค่เราไม่หยุดมุ่งมั่น และพัฒนา จะสร้างความแตกต่างได้ในอนาคต The MIXX สุขุมวิท-แพรกษา | Where Every Step…

การเลือกใช้ ระบบพื้น Post-Tension ในโครงการ The MIXX สุขุมวิท-แพรกษา ทำให้โฮมออฟฟิศมีคุณสมบัติและประโยชน์ที่โดดเด่นกว่าระบบการก่อสร้างทั่วไป โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับระบบพื้นคอนกรีตเสริมเหล็กหรือระบบอื่นๆ ข้อดีของระบบ Post-Tension มีดังนี้: สรุปข้อดีของระบบ Post-Tension ระบบ Post-Tension ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พื้นที่และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับโครงการ The MIXX สุขุมวิท-แพรกษา ทำให้โฮมออฟฟิศในโครงการนี้ตอบโจทย์ทั้งด้านฟังก์ชันการใช้งานและความคุ้มค่าในการลงทุน. เรื่องความปลอดภัยของระบบพื้น Post-Tension เมื่อเทียบกับระบบโครงสร้างอื่นๆ เช่น Precast และ Conventional (ก่ออิฐ) ระบบพื้น Post-Tension ที่ใช้ในโครงการ The MIXX สุขุมวิท-แพรกษา มีข้อดีด้านความปลอดภัยที่โดดเด่นกว่าระบบโครงสร้างอื่นๆ เมื่อเทียบกับระบบ Precast และ Conventional (ก่ออิฐ) ดังนี้: 1. ความแข็งแรงและการรองรับน้ำหนัก 2. ความยืดหยุ่นในการออกแบบ 3. ความปลอดภัยในระยะยาว 4. การทนทานต่อสภาพแวดล้อม สรุปข้อดีของ Post-Tension ในแง่ความปลอดภัย ระบบ Post-Tension…